เพื่อปกป้องคนที่เรารัก เราจะวิ่งไม่หยุดกับ หนังhd เรื่องนี้อาจจะเป็นผลงานหนังที่เหน็ดเหนื่อยที่สุดในอาชีพนักแสดงอย่าง “นาโอมิ วัตส์” เลยก็ว่าได้ เพราะนี่คือ “The Desperate Hour” รีวิวหนังระทึกขวัญที่มีพร้อมกับกิมมิกการเล่าเรื่องของนักแสดงนำเพียงหนึ่งเดียว จากตัวเนื้อเรื่องที่ก็ต้องการให้ออกมาเป็นเดอะแบกวิ่งทะลุป่า เปรียบเสมือนพาผู้ชมขี่หลังวิ่งไปด้วยตลอดทั้งเรื่องกับสถานการณ์ที่บีบคั้นขึ้นจับใจเลยทีเดียว ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบหนังแนวระทึกขวัญอย่าง Host, Unfriended และหนังเอาตัวรอดอย่าง Buried (2010) ขอแนะนำเรื่องฝ่าวิกฤตวิ่งหนีตายรับรองได้เลยว่าสนุก บันเทิงแน่นอน ที่จะฝ่าวิกฤตลุ้นระทึกไปกับเธอคนนี้ที่ต้องวิ่งเพื่อปกป้องคนที่เธอรักจากเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญ
ผลงานการสร้างภาพยนตร์จากผู้กำกับ “ฟิลลิป นอยซ์” ที่มีชื่อเสียงในด้านผลงานภาพยนตร์แอ็กชั่นฝีมือเยี่ยม ที่ชวนผู้ชมตามติดเหตุการณ์เอาใจช่วยกับสถานการณ์คับขันที่ต้องแข่งกับเวลาร่วมผนวกกำลังกับนักเขียนบท “คริส สปาร์ลิ่ง” เจ้าของผลงานเด็ดอย่าง Buried ที่เล่นกับข้อจำกัดในการเอาตัวรอดเช่นนี้ คือหนังเขย่าขวัญแบบ Real Time เพิ่มความระทึกด้วยการเล่าเรื่องตามเวลาจริง The Desperate Hour ยังคงอัดแน่นไปด้วยข้อจำกัดอันน่าระทึก นี่
The Desperate Hour (2021) เรื่องราวใน 84 นาทีที่ชวนคุณลุ้นระทึกไปกับเธอ
เป็นการเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครที่ชื่อว่า “เอมี่ คาร์” (รับบทโดย นาโอมิ วัตส์) พนักงานเจ้าหน้าที่สรรพากร ซึ่งเป็นคุณแม่ลูกสองที่สูญเสียสามีด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เกือบจะครบ 1 ปีแล้ว จนกระทั่งในยามเช้าวันหนึ่งเธอกำลังวิ่งจ๊อกกิ้งในป่าลึก (Lakewood) แต่ทว่าในขณะนั้นเธอได้รับแจ้งข่าวร้ายว่าเกิดเหตุกราดยิงกันในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งที่ “โนอาร์” (รับบทโดย โคลตัน ก็อบโบ) ลูกชายคนโต และ “เอมิลี” (รับบทโดย เซียร์รา มาลต์บี้) ลูกสาวคนเล็กของเธอที่กำลังอยู่ในขณะนั้น เอมมี่จึงต้องรีบวิ่งไปยังสถานที่เกิดเหตุในทันทีซึ่งสถานที่วิ่งอยู่ห่างออกไปไกลจากป่าหลายไมล์ด้วยความวิตกกังวลขั้นสุด เพื่อหวังจะช่วยเหลือลูก ๆ ของเธอให้พ้นจากเงื้อมมือของมือปืนที่อาจก่อเหตุอีกได้ทุกเมื่อ โดยมีโทรศัพท์ใกล้จะแบตหมดเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเธอ เป็นอุปกรณ์เพียงอย่างเดียวที่จะช่วยให้เธอคลี่คลายเหตุสุดระทึกนี้ไปได้ บทสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เธอจะช่วยลูก ๆ ของเธอได้หรือไม่ ไปติดตามกันได้เลยที่ หนังใหม่ มาสเตอร์
รีวิวภาพยนตร์ The Desperate Hour (2021) : ฝ่าวิกฤตหนีตาย
หนังใหม่ มาสเตอร์ เป็นการสร้างประเด็นหนังที่สามารถบีบคั้นเร้าใจคนดูแบบสุด ๆ หยิบเอาไว้ประเด็นเหตุการณ์กราดยิงภายในโรงเรียนที่เป็นปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอเมริกามาใส่เอาไว้ในเรื่องนี้ (ซึ่งไม่นานมานี้ประเทศไทยของเราก็ได้เหตุการณ์ในลักษณะนี้มาแล้วเช่นกัน) โดยให้คนดูรับรู้ข่าวสารข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ ผ่านจากตัวละครหลักตัวเดียวเท่านั้น เป็นกิมมิกที่น่าสนใจไม่น้อยเพียงแต่ข้อจำกัดในการใช้วิธีเล่าเรื่องแบบนี้บางมุมก็ทำให้คนดูรู้สึกลุ้นตามอย่างจดจ่อ แต่อีกมุมก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นมุมมองหนังที่ชวนอึดอัดบอกไม่ถูก ซึ่งตัวหนังในส่วนนี้ก็เลยจะเล่าเสมือนว่าคนดูก็กำลังอยู่ในป่าไปพร้อมกัน และค่อย ๆ ปะติดปะต่อข้อมูลที่เอมีได้จากการพยายามโทรศัพท์ แชท และสืบค้นหาข้อมูล พร้อมกับความกดดันที่ทวีเพิ่มขึ้นแบบเรียลไทม์
เรื่องราวในช่วงแรก ๆ มันเต็มไปด้วยความเนิบนาบ เนือย ๆ ในบรรยากาศป่าสนหนาแน่นไปด้วยภาพของต้นไม้ ธรรมชาติที่สวยงาม และเพลงประกอบที่คลอเบาๆ สร้างบรรยากาศอันแสนสงบที่ทางทีมงานชูจุดขายอย่างมาก ก่อนที่เรื่องราวจะค่อย ๆ ตึงขึ้น ดึงความน่าสนใจมากขึ้น ขอพูดตามตรงเลยว่าในช่วงแรกก็ดูหนังแบบไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายจากเรื่องนี้ แต่พอได้ดูจริง ๆ กลับเกินความคาดหมายที่เล่าเรื่องได้สนุกมาก หนังใช้ประโยชน์จาบทสนทนาผ่านโทรศัพท์ได้อย่างคุ้มค่าของทุกตัวละครที่สามารถเชื่อมโยงเรื่องราว ความสัมพันธ์ที่รวมไปถึงการสืบสวนต่าง ๆ
มาดูในส่วนของงานภาพที่เป็นจุดขายและจุดแข็งของ หนังhd เรื่องนี้เลยในบางฉากทำออกมาไดสวยมาก ครบทุกดีเทลในการเก็บรายละเอียดรอบข้าง การถ่ายทอดความงามของป่าเขาในเรื่อง ที่ยกกองไปถ่ายที่ “ออนแทรีโอ” ประเทศออสเตรเลีย เทคนิคการถ่ายภาพย้อนแสงที่ดูไม่มืดบวกกับการเกรดดิ้งสี ทำให้ได้งานภาพดูมีชีวิตชีวา แต่พอตัวหนังเริ่มเข้มข้นขึ้นลองสังเกตโทนสีภาพ จะค่อย ๆ ซีด เริ่มมีความ “เหลือง” ของแสงที่ดูอบอุ่นนั้นน้อยลงเพิ่มความกดดันมากขึ้น ถือว่าทีมงานเข้าใจในแง่ของการเล่นอารมณ์กับภาพ และสถานการณ์ของเรื่องที่เข้ากัน
อีกส่วนสำคัญที่สามารถตรึงคนดูได้ตั้งแต่ต้นจนจบ นั่นก็คือ การแสดงของ “นาโอมิ วัตส์” สุดยอดนักแสดงที่แสดงได้ถึงบทบาทความเป็นแม่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนความรู้สึกของคนเป็นแม่ที่มีความเครียด กดดัน สับสนทำไรไม่ถูกต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งเธอก็ทำได้สุดยอดเลย ทำให้คนดูอินได้อยู่หมัด
ความรู้สึกเมื่อได้ดู The Desperate Hour (2021) หนังสนุกแบบไม่คาดหวัง ตื่นเต้นใช้ได้เลย
ถือว่าเป็นหนังแนวระทึกขวัญบีบอารมณ์ที่สนุกใช้ได้เลย แล้วปล่อยให้คนดูคิดตามพร้อมจินตนาการภาพเอาเองซึ่งทำให้นึกถึงภาพยนตร์แนวเล่าเรื่องผ่านภาพจอคอม มาดูกันที่จุดเด่นของหนังเรื่องนี้กันก่อนเลยดีกว่า เป็นหนังที่มีพล็อตและสามารถเข้าใจพล็อตเป็นอย่างดี สามารถวางพล็อต และเพิ่มระดับความกดดันในการเอาตัวรอดของเอมี่กับโทรศัพท์หนึ่งเครื่องกับการเดินทางในป่าทิศเทพจะไม่มีใครเดินผ่านมาได้อย่างน่าสนใจ มีการเล่าเรื่องราวแบบหนักและแบบเบาสลับกันไปสลับการเร่งจังหวะในช่วงเหตุการณ์เป็นสิ่งที่น่าติดตามอย่างยิ่ง มีการประยุกต์ใช้ฟังชั่นต่าง ๆ ค่อย ๆ เอาชนะ Conflict ทีละปม ๆ แล้วนำข้อมูลที่ได้มาปะติดปะต่อให้เป็นเรื่องราว
เรามาดูสิ่งที่เป็นข้อเสียของ หนังhd เรื่องนี้กันเลยดีกว่า ด้วยทีมผู้สร้างมีความตั้งใจที่จะเล่าเรื่องแบบเรียลไทม์ใน 84 นาที ตามที่ตัวละครจะต้องเผชิญตลอดทั้งเหตุการณ์ ดังนั้นประเด็นร้อนและพล็อตหลัก ๆ ของเหตุการณ์ยิงกราดอาจจะไม่ได้ขยี้ให้เราเห็น ไม่ได้ลงรายละเอียดลึกสักเท่าไหร่ซึ่งเป็นจุดที่น่าเสียดายอยู่ไม่น้อย ปัญหาหลัก ๆ อยู่ในครึ่งหลังของหนังเรื่องนี้แม้ว่าในครึ่งแรกมีการดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม ด้วยภายใต้สถานการณ์ที่กดดันและมีความตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ทั้งในป่าและสถานการณ์ของผู้คนที่เอมี่ได้โทรไปขอความช่วยเหลือนั้น ก็มีแต่เรื่องวุ่นวายและยุ่งยากขึ้นทีละนิดที่มีปัญหาอยู่หลายจุดที่ซ้อนทับกันอยู่
ด้วยหนังเรื่อง The Desperate Hour (2021) ดูการ์ตูนออนไลน์ ต้องการพูดถึงประเด็นการกราดยิงโรงเรียนที่หนังพยายามหยิบเรื่องนี้มานำเสนอ ซึ่งเมื่อเราสังเกตดูแล้วประเด็นเรื่องของการกราดยิงนี่ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับคนที่เป็นพ่อแม่ การที่จะหยิบเอาเรื่องใหญ่ขนาดนี้มาทำเป็นภาพยนตร์จะต้องนำเสนอด้วยเนื้อหาและเรื่องที่จริงจังและแข็งแกร่งมากพอ แต่ด้วยเทคนิควิธีการที่ทีมสร้างพยายามให้คนดูเชื่อว่าวิธีการของเอมี่เท่านั้น ทำให้การสื่อสารที่ปรากฏในหนังฉีกไปในอีกรูปแบบหนึ่งแทนที่จะสะท้อนความน่ากลัว ความสะเทือนใจ และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์กราดยิง หรืออาจจะชี้นำวิธีการเอาตัวรอดของแม่และเด็ก เป็นต้น น่าเสียดายที่หนังกลับกลายเป็นว่าทำให้การกราดยิงเป็นเพียงฉากแอ็กชั่นฉากหนึ่งเท่านั้น และกลายเป็นว่าแม่ของผู้ประสบเหตุต้องกลายมาเป็นนักสืบและเป็นฮีโร่ไปเสียอีก เธอทำเพื่อช่วยเหลือและปกป้องลูกของเธอเท่านั้น หากเมื่อไปเปรียบเทียบกับตัวมือปืนก็ยิ่งทำซ้ำภาพให้ชัดเจนขึ้นว่าหนังเพียงต้องการเชิดชูให้เอ็มมี่กลายเป็นผู้มีมนุษยธรรมที่คอยห้ามปรามพวกไวร้ายที่ลงมือก่อเหตุ เนื่องจากไม่มีแรงจุงใจอะไรเป็นพิเศษ
รวมไปถึงตัวบทที่ไม่ค่อยให้น้ำหนักในการอธิบายปูเรื่องของครอบครัวมากพอทำให้ตัวหนัง มีความขัดแย้งกันภายในเรื่องและมันก็ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ แม้ว่าตัวหนังพยายามจะให้ไดอะร็อกของเอมี่พยายามโน้มน้าวให้คนดูเชื่อว่ามีเหตุจูงใจที่พอจะเป็นปได้ และการปูเรื่องของตัวละครค่อนข้างบางโดยเฉพาะปมเรื่องของการเสียชีวิตของผู้ที่เป็นสามีและความเศร้าของโนอาห์ ทำให้แทนที่ตัวพล็อตจะหักมุมให้รู้สึกเขย่าขวัญ แต่กลายเป็นเพียงคงามขัดแย้งอันหนึ่งที่มาและจากไปแบบเบาโหวง และยิ่งพาให้หนังในช่วงครึ่งหลังดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ และดูไม่น่าเอาใจช่วยไปเสียอย่างนั้น ส่วนนี้ขอหักคะแนนกันเลยทีเดียว
ภาพรวม The Desperate Hour ฝ่าวิกฤตวิ่งหนีตาย ที่ได้คะแนนรีวิว 8/10 คะแนน
เป็นอีกภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ ดราม่า ที่สนุกระทึกใช้ได้เลย ตัวหนังก็เสริฟฉากระทึกแบบ NON-STOP ถึงแม้จะไม่ได้ขยี้ปมพล็อตหลักอย่าง เหตุการณ์ยิงกราด สักเท่าไร ถือว่าเป็นอีกโปรแกรมหนังระทึกฟอร์มเล็กที่อยากให้ไปสัมผัส แม้ว่าโดยภาพรวมแล้ว The Desperate Hour จะเป็นหนังที่อยู่ในเซฟโซนหนังสูตรสำเร็จ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้ชวนว้าวแต่อย่างน้อย ๆ ก็มีเนื้อหาที่ระทึกใจส่งถึงคนดูได้ดีถึงจะแค่มุมมองเดียวก็ตาม หนังเรื่องนี้ก็มีกิมมิกให้เราได้ลุ้นไปพร้อม ๆ กับแม่ ได้แบบไม่ต้องคิดมาก หนังเรื่องนี้ไปได้เกือบสุดทางต้องขอชื่นชมเดอะแบกพลังการแสดงความเป็นมืออาชีพของ นาโอมิ วัตส์ ที่สามารถประคองหนังเรื่องนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง แม้ว่านี่จะไม่ใช่ผลงานที่น่าประทับใจในเครดิตการแสดงของเธอเลยก็ตาม แต่การรับหน้าที่แบกเดี่ยวหนังทั้งเรื่องอย่างโดดเดี่ยวในครั้งนี้ของเธอ ก็ถือว่าสอบผ่าน เอาเป็นว่าเราอยากให้คุณไปดูด้วยตาของคุณเองเพื่ออรรถรสในการรับชม ดูหนังใหม่มาสเตอร์ อย่าพลาดหนังดี ๆ มาดูหนังฟรี หนังน่าดูมากมายรอคุณอยู่ รับชมไปพร้อมกันกับเหล่าคอหนัง หนังใหม่ hd ที่คุณไม่ควรพลาด!!
ติดตามเว็บรีวิวหนัง สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่ : เว็บรีวิวหนัง