รีวิวหนัง Disney หนังดิสนีย์เรื่องดัง สุดยอดความแฟนตาซี ที่มีทั้งคนแสดงและอนิเมชั่น ฉายปี ค.ศ 2010 ผลงานประพันภาพยนต์ของลินดา วูลเวอร์ตัน ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของวรรณกรรมชุด อลิซท่องแดนมหัสจรรย์ และ ธรูเดอะลุกกองกลาสส์ อำนวยการผลิตและเผยแพร่โดย วอลต์ ดิสนีย์ พิกเจอร์ส ผ่านมาแล้วกว่า 12 ปี จะ 13 เข้าแล้ว สร้างสรรค์ผลงานจากวรรณกรรมเยาวชนที่แฝงไปด้วยประเด็นน่าคิด คงไม่มีใครไม่รู้จักวรรณกรรมคลาสสิกระดับโลกอย่างเรื่องนี้ เพราะถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ แอนนิเมชัน หรือแม้กระทั่งเกมก็มี แต่อาจจะมีน้อยคนที่ได้อ่านวรรณกรรมต้นฉบับ โดยภาพยนต์โดยดิสนีย์ครั้งนี้สร้างโดย ทิม เบอร์ตัน ชื่อคนสร้างหนังที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก หนังมีลายเซ็นที่ดูแล้วเดาได้ ได้เข้ามาทำหนังเรื่อง Alice in Wonderland ให้กับดิสนีย์ครั้งนี้ หนังทำเงินทั่วโลกไปตั้ง $1,000 ล้านเหรียญ หนังมีความสดใส เรื่องราวของเด็กสาวในดินแดนมหัศจรรย์ ที่ตัวเขาเองยังมีหลายเซ็นของความเพี้ยน ๆ หน่อย ๆ และนั่นกลายเป็นแฟนตาซีจินตนาการที่เป็นแนวทางของเขาที่แฟนคลับเฝ้ารอ กลายเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังได้เลย โดยเรื่องราวในครั้งนี้ น่าจะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยสดใส เพราะเป็นเรื่องราวของสาวน้อยชื่อ “อลิซ” ผู้มีจิตนาการและความคิดที่ไม่เหมือนใคร ชอบทำอะไรไม่เหมือนผู้หญิงสมัยนั้นที่จำต้องสงบเสงี่ยมเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ ซึ่งบุคลิกที่มีอะไรขัดแย้งกันในที เธอกำลังกังวัลใจกับบางสิ่งที่เธอก็ยังไม่แน่ใจ และได้หลีกหนีมันอย่างไม่ทันตั้งตัว ด้านเรื่องราวของอลิซที่พ่อของเธอได้จากไปก่อน ด้วยตอนนั้นตัวเธออายุเพียง 19 ปี ในวัยเท่านั้นของเธอ เธอจำได้แค่ว่าพ่อของเธอได้ขายหุ้นบริษัทให้เพื่อนของพ่อ และแม่ของอลิซได้พาอลิซไปที่บ้านของฮามิช แอสคอน ลูกชายของเพื่อนสนิทพ่อ เพื่อวางแผนจับคู่ และภายในงานได้มีการจัดฉากปาร์ตี้บังหน้าไว้ เพื่อให้ฮามิชขออลิซแต่งงาน แต่อลิซก็ได้ปฏิเสธไป และได้วิ่งตามเจ้ากระต่ายใส่ชุดยีนส์ตัวนึง จนไปเจอโพรงไม้ใหญ่ ๆ หลังบ้านของฮามิช จนทำให้อลิซตกลงไปในโพรงไม้นั้น และอลิซก็ได้หลุดไปในดินแดนประหลาดมหัศจรรย์ ที่ชอบฝันถึงดินแดนประหลาดอยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่เล็กจนปัจจุบัน เพราะความจริงก็คือเธอเคยเข้าไปแล้วเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ทำให้ได้พบกับเหล่าเพื่อนในวัยเด็กอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นคุณกระต่ายขาวไวท์แรบบิท, แฝดยักษ์อ้วนจอมป่วน ทวีเดิลดีกับทวีเดิลดัม, ดอร์เมาส์หนูจิ๋ว, หนอนผีเสื้อ, แมวเชสเชียร์ และที่ขาดไม่ได้คือ แมด แฮทเทอร์ นอกจากนี้เธอได้เจอกับความพิศวงมากมายในวันเดอร์แลนด์ มีสถานที่แปลก ๆ สิ่งมีชีวิตแปลก ๆ ซึ่งสิ่งที่อลิซไปเจอก็มีคนตีความไว้มากมายว่ามันแฝงปรัชญาโน่นนี่ ทั้งที่จริงคนเขียนอาจไม่ได้ต้องการสื่อถึงอะไรเลยก็ได้ จากนั้นการผจญภัยเพื่อกอบกู้ความสงบสุขของโลกแห่งนี้ก็เริ่มต้นขึ้น
รีวิวหนัง เรื่อง Alice ในแดนมหัศจรรย์ หรืออิลิซ in Wonderland
เป็นภาพยนต์แนวผจญภัยแฟนตาซีที่ใช้เทคนิคการตัดต่อผสมการแสดงจริงและอนิเมชั่น แดนมหัศจรรย์นี้ เกิดขึ้นเมื่ออลิซหลุดเข้าไปในโพรงกระต่าย และเกิดเป็นภาพสวย ๆ ลายเส้นสไตล์ดิสนีย์ที่ทุกคนจะไม่ผิดหวัง สามารถติดตามความว้าวได้ที่ ดิสนีย์ พลัส (disney+) เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ดูได้เพลิน ๆ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีความเพี้ยนสไตล์ Tim Burton แต่ไม่โหด เลือดสาดเหมือนเรื่องก่อนหน้าของเขา ซึ่งเห็นว่ามาถูกทางแล้วที่เลือกเป็นป่า เพราะป่ามีอะไรน่าพิศวงและมีความลึกลับที่มนุษย์อาจจะเข้าถึงได้ไม่ทั่วถึง การเล่นกับป่า ทำให้จิตนาการไม่จำกัดเกิดเป็นความแฟนตาซีขึ้นได้อย่างสนุกสนานในแบบดิสนีย์ที่มีการฝากข้อคิด หรือประเด็นบ้างในเรื่องพลังแห่งความเชื่อมั่น จินตนาการ และการคิดนอกกรอบทั้งบท ภาพ และตัวละคร ตามสไตล์ดิสนีย์ แต่โดยหลักแล้วเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เป็นหนังเล่านิทานที่ฟังเพลินดูเพลิน เติมจินตนาการ เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ถ้าจะให้รีวิว หนัง เรื่องนี้ ก็ถือเป็นหนังที่ดีอีกเรื่องหนึ่งของดิสนีย์ ชื่อนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง CG ไม่น่าเป็นประเด็นของค่ายนี้ได้ เพราะทำออกมาเป็นที่วางใจกันมานานมากแล้ว Special Effect ที่เนรมิตวันเดอร์แลนด์แดนมหัศจรรย์ให้มีชีวิตสมจริงขึ้นมา ซึ่งถ้าว่ากันในจุดนี้ มันดูสมจริงเหมือนวาดวิมานขึ้นมาบนแผ่นฟิล์มและไม่เสียชื่อดิสนีย์เลยจริง ๆ ถือว่าคุ้มเงินลงทุนระดับ $200 ล้าน มีอะไรให้ขำ มีอะไรชวนให้เราจับตาดูไปจนจบ แม้พลังดึงดูดอาจไม่แรงแต่ก็ถือว่าไม่เลว การตีความคาแรคเตอร์แปลก ๆ ก็เพราะอารมณ์ขันเพี้ยน ๆ ที่ทำให้หนังที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมากเรื่องนี้ ตัวละครแต่ละเจ้าที่มีอะไรเพี้ยนๆ ขำๆ แต่ก็เจือด้วยความเศร้าบางประการ และไม่มีใครดีเต็มร้อย อย่างบุคลิกของ Anne Hathaway ในบท “ไวท์ควีน” ก็ยังดูลอย ๆ เหมือนเมาอะไรสักอย่างมา แต่ยังคงบุคลลิกสวย ๆ ตามสไตล์ราชินีฝ่ายนางเอก, “เรดควีน” ราชินีแดงผู้ไร้จิตใจ ขานี้ก็วาดลีลาได้การ์ตูนจ๋าจนน่าจดจำเหมือนกัน แสดงโดย Helena Bonham Carter ภรรยาของ Tim เอง, Johnny Depp ในบท “แม็ด แฮ็ตเตอร์” ที่เพี้ยนได้ใจ และถ้าไม่ใช่ Depp ก็คงเล่นไม่ได้แบบนี้ และ Crispin Glover มาเป็น “สเตนน์” ขุนพลจอมสอพลอข้างกายเรดควีน เจ้านี้ก็เพี้ยนได้ไม่แพ้ใครเช่นกัน พอคิดดังทั้งหมดนี้แล้วก็เลยขอเพลินไปกับหนังของป๋าเรื่องนี้ที่ดิสนีย์ พลัส (disney+)
รีวิวปรัชญา และข้อคิดจาก Alice ในแดนมหัศจรรย์ หรืออิลิซ in Wonderland
1.อลิซ และนกโดโด้
“นกโดโด้” เปรียบเหมือนนายทุนที่อยู่อย่างสบาย เพราะเมื่อว่ายน้ำมาถึงฝั่งก่อนสัตว์อื่น ๆ ก็มานั่งผิงไฟให้ตัวแห้ง พอสัตว์ตัวอื่นมาถึงนกโดโด้ก็สั่งให้ไปวิ่งรอบโขดหินบนชายหาดตัวจะได้แห้ง แต่สัตว์เหล่านั้นกลับโดนคลื่นน้ำทะเลซัด วิ่งแค่ไหนตัวก็ไม่แห้ง อลิซถามว่า ทำอย่างนั้นพวกเขาจะตัวแห้งได้ไง นกโดโด้บอก แห้งสิ ดูฉันยังแห้งเลย ปรัชญาข้อนี้เปรียบได้ว่า พวกสัตว์เป็นลูกจ้างที่ต้องเหนื่อยไปชั่วกัปชั่วกัลป์ เป็นหนึ่งข้อคิดของวรรณกรรมที่ดิสนีย์ พลัส (disney+) ส่งมาให้ผู้ใหญ่ตีความและเด็ก ๆ ได้ดูและเข้าใจกันตั้งแต่เด็กถึงสภาพสังคม แม้ว่า บทวรรณกรรมจะมีอายุมานาน แต่ความเหลื่อมล้ำนี้ไม่เคยหมดไป
2.อลิซกินอะไรเข้าไปสักอย่างแล้วทำให้ตัวเธอหดเล็กลงเหลือ 3 นิ้ว
อลิซหัวเสีย เพราะไม่ได้รับการยอมรับจากสัตว์ตัวอื่น ๆ ด้วยความสูงเพียง 3 นิ้ว เนื่องจากกินอะไรเข้าไปสักอย่างแล้วทำให้ตัวเธอหดเล็กลง เธอไปเจอกับเจ้าหนอนที่ก็สูงเพียง 3 นิ้วเหมือนกันเข้าโดยบังเอิญ เจ้าหนอนนานสูบบารากุอย่างสบายใจ เจ้าหนอนถามอลิซว่าเธอเป็นใครอลิซที่หัวเสียอยู่ ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร หนอนเลยบอกให้เธอท่องบทอาขยานจะได้ใจเย็น อลิซตอบด้วยอารมณ์ว่า “ตอนนี้ฉันสูงแค่ 3 นิ้วแล้วมันทุเรศสิ้นดี” ประโยคนี้ไปแทงใจดำหนอน มันจึงบอกกับอลิซว่า “แดกเห็ดแล้วไปไกล ๆ เลยถ้าอยากสูงนัก” ด้วยความหัวเสียกลับ
3.ไม่มีเป้าหมายใน Wonderland หรือที่ไหน ก็หลงได้ทุกที่
ด้วยความป่าในแดนมหัศจรรย์ของดิสนีย์ Alice ในแดนมหัศจรรย์ หรืออิลิซ in Wonderland อลิซมาถึงทางแยกที่มีป้ายเต็มไปหมด เธอไม่รู้จะไปทางไหน เมื่อไม่รู้เป้าหมาย จะไปทางไหนก็ไม่สำคัญ ระหว่างนั้น เจ้าแมวล่องหนเชอร์เชียร์สก็ปรากฎตัวขึ้น เธอถามมันว่าควรไปทางไหนดี เจ้าแมวถามกลับว่า “เธอจะไปที่ไหนล่ะ” ซึ่งอลิซเองก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นหมายถึงว่า ต่อให้เลือกทางไหนเธอก็หลงอยู่ดี
4.อำนาจเผด็จการที่เปลี่ยนถูกเป็นผิด
การใช้อำนาจในการปั้นน้ำเป็นตัว และเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม ของราชินีบ้าอำนาจที่สั่งตัดหัวคนอื่นเป็นว่าเล่น หรือพระราชาไร้อำนาจที่เบิกตัวพยานเท็จขึ้นศาล มีแต่พยานพูดจาเรื่องไร้สาระ คดีต้องถูกตัดสินออกมาให้ตรงใจผู้มีอำนาจ หลายคนวิเคราะห์ว่ามันสื่อถึงอำนาจเผด็จการที่เปลี่ยนถูกเป็นผิด อำนาจเหลือล้นฟ้า มีไว้เพื่อราชินี
รีวิวหนัง Alice in Wonderland กันมาแล้วพอหอมปากหอมคอ พร้อมทั้งวิเคราะห์ ทั้งเรื่องข้อคิดใด ๆ ที่เกิดขึ้น หรืออาจจะมากกว่านี้ เพราะในเรื่องราวที่ได้หลงเข้าไปใน รีวิว หนังได้มากมายหลากหลาย ทั้งเรื่องของการสร้าง การแสดง CG และการเขียนบทภาพยนต์ รีวิวหนัง Disney เรื่องนี้ที่จะสามารถทำให้วันว่าง ๆ ของคุณ เป็นวันดี ๆ วันหนึ่งได้ เปิดได้ก็ดูได้เพลิน ๆ ไม่ต้องมีความอิหยังวะในระหว่างที่ดูอย่างแน่นอน อาจจะมีการเผลอหลับได้บ้าง ด้วยความที่เป็นหนังปรัชญา มีข้อคิดให้แน่ ๆ สไตล์ดิสนีย์ ที่คุณสามารถดูได้ด้วยตัวเองไม่ยากที่ ดิสนีย์ พลัส เว็บรวมหนังและการ์ตูนดี ๆ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สามารถดูได้ ดูดีที่ ดิสนีย์นี่อย่างแน่นอน สำหรับสมาชิก disney+ สามารถติดตามได้ทั้งหนังเก่าและหนังใหม่ หนังดี ๆ ขึ้นหิ้งก็มีให้ดูมากมาย ค่ายนี้การันตีด้วยชื่ออยู่แล้ว เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นการแนะนำหนึ่ง และยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้ในแง่ลบมากนัก หนังากวรรณกรรมน้ำดีอีกเรื่องหนึ่ง ที่คนดูต้องเทสดี และไม่ต้องไปอ่านหนังสือก็สามารถรู้เรื่องได้ และนี่เป็นเหมือนหนังสือดี ๆ แพง ๆ อีกเรื่องหนึ่ง ที่ไม่ต้องไปซื้อหนังสือมาอ่าน แต่สามารถเปิดดิสนีย์ดูหนังดี ๆ ที่บ้านของคุณได้เลย สะดวกสบายที่สุด ไม่ต้องไปดูถึงในโรงภาพยนต์ แต่ถึงไปดรงภาพยนต์ตอนนี้ ก็ไม่มีให้ดูแล้ว เพราะหนังนี้ได้สร้างกระแสนิยมไปแล้วเมื่อปี 2010
ขอขอบคุณวีดีโอจาก Youtube.com และ ขอขอบคุณรูปภาพจาก Google
ติดตามเว็บรีวิวหนัง สามารถรับชมและอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : เว็บรีวิวหนัง
ดูหนังออนไลน์ฟรีได้ที่ : ดูหนัง hd